Feeds:
เรื่อง
ความเห็น

Archive for สิงหาคม, 2007

    sub.jpg

    เมื่อ 2-3 วันก่อน มีคนโทรศัพท์มาหาผมหลายคน หลังจากที่ผมเขียนเรื่องโลกร้อนไปแล้ว บอกว่าอยากรู้เรื่อง Sub-Prime บ้าง ว่า มันมีความเป็นมาอย่างไร ทำไมไทยและทั่วโลกจะต้องวิตกกังวลกับมันด้วย ทั้งๆที่ตั้งแต่เกิดมาเป็นมนุษย์ก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

    ผมเองก็รู้บ้างนิดหน่อย เลยไปศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือบ้าง จากผู้รู้บ้าง เขาบอกว่า “Sub-Prime” หรือ “ซับไพรม์” มีต้นตอมาจาก Sub-Prime Mortgage ในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ สินเชื่อที่ปล่อยกู้ให้กับลูกหนี้ที่มีเครดิตทางการเงินต่ำกว่ามาตรฐาน หรือที่แปลตรงตัวว่า คุณภาพรองลงมา เขาใช้อสังหาริมทรัพย์ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันครับ

    บรรดาลูกหนี้ทั้งหลายที่อยู่ในกลุ่ม Sub-Prime นี้ สถาบันการเงินทั่วไปเขาไม่ปล่อยกู้เงินให้ จึงได้มีการตั้งบริษัทอิสระขึ้นมาปล่อยกู้แทน โดยเงินที่บริษัทเหล่านั้นนำมาปล่อยกู้ เขาก็ใช้วิธีออกตราสารหนี้ แล้วใช้อสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้นั่นแหล่ะค้ำประกันตราสารหนี้อีกที ถ้าหากว่าลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้เมื่อไหร่ บริษัทเหล่านั้นก็จะขายอสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้เพื่อนำเงินไปจ่ายคืนให้คนที่ซื้อตราสารหนี้ ดูแล้วก็เหมือนกับธนาคารที่ยึดทรัพย์ไปขายทอดตลาดแล้วเอาเงินไปจ่ายคืนให้กับผู้ฝากเงินครับ

    แล้วทำไมปัญหาถึงได้เกิดขึ้น?  เพราะอะไรหรือครับ

    ก็เพราะว่าเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วนี่เอง มีลูกหนี้ Sub-Prime เกิดขึ้นมากมาย เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วก็มีการขายตราสารหนี้ออกไปทั่วโลก พอมาถึงช่วงนี้ เศรษฐกิจอเมริกาเริ่มมีปัญหา ลูกหนี้กลุ่ม Sub-Prime ก็เริ่มไม่จ่ายหนี้ มิหนำซ้ำ ราคาอสังหาริมทรัพย์ก็ตกลงอย่างรวดเร็ว บริษัทที่ปล่อยเงินกู้ก็เลยซวย 2 ต่อเลยครับ ต่อแรกคือถูฏเบี้ยวหนี้ ต่อสองคือ อสังหาฯราคาตก เลยทำให้เงินไม่พอจ่ายคืนให้กับผู้ซื้อตราสารหนี้

    คราวนี้แหล่ะครับ บรรดาผู้ที่ซื้อตราสารหนี้ทั้งหลาย ก็เริ่มขาดทุนกันวินาศสันตะโรจากตราสารหนี้ที่ถือไว้ ก็ได้แก่พวกลงทุนเฮดจ์ฟันด์ทั้งหลาย แม้แต่กองทุน ” คาลิเบอร์โกลบอล อินเวสเมนต์ ” ของอังกฤษ ยังถึงขนาดต้องปิดตัวลง หรือกองทุนยักษ์ใหญ่อย่าง “แบร์สเติร์น “ ก็ยังต้องอัดฉีดเงินช่วยเฮดจ์ฟันด์ของตัวเองถึง 1.6 พันล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 5.2 หมื่นล้านบาท และที่ฝรั่งเศส ” บีเอ็นพี พาริบาส์ “ ก็ประกาศปิด 3 กองทุนชั่วคราว

    แบบนี้เค้าเรียกว่า อเมริกาพาซวย

    พอจะทราบกันแล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไมทั่วโลกจะต้องไปวิตกกังวลกับมันด้วย ก็เพราะว่า ผลของมันทำให้หุ้นทั่วโลกตกระเนระนาด เมืองไทยก็พลอยโดนกับเขาไปด้วย ทั้งๆที่บ้านเราก็ไม่ได้มีใครไปถือตราสารหนี้ที่ว่านี้เลย แต่มันเป็นผลกระทบเพราะว่าพวกต่างชาติมันเกิดวิตกจริตขึ้นมาก็เลยเทขายยกตลาด บรรดาแมงเม่าทั้งหลายก็เลยซวยไปด้วย

    เมื่อถามว่า งานนี้ใครซวยที่สุดหรือได้รับผลกระทบมากที่สุด    ผมบอกได้เลยครับว่า ผู้ที่ซวยที่สุด ก็คือผู้ที่โลภมากที่สุด เพราะลงทุนมากที่สุดไงครับ    โลภมาก ลาภหายนั่นแหล่ะ

Read Full Post »

earth.jpgขณะนี้ทั่วโลกกำลังตื่นตัว และวิตกกังวลกับภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้นทุกขณะ หลายประเทศต้องเผชิญกับปัญหาความแปรปรวนของอากาศอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างมากมายมหาศาล

อย่างที่อเมริกา อยู่ๆก็เกิดพายุพัดรุนแรง บ้านเรือนพังพินาศ ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ประเทศจีนน้ำท่วมรุนแรงบ่อยมาก ดินถล่ม บ้านเรือนจมน้ำ หนูหนีตายนับร้อยนับพันตัว ประชาชนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก บางประเทศอากาศร้อนถึง 50 องศา ประชาชนเสียชีวิตนับพันคน และในบางประเทศไม่เคยมีหิมะตกมาเป็นร้อยปีแล้ว อยู่ๆก็มีหิมะตกลงมาอย่างหนัก ถึงกับจัดงานฉลองกันยกใหญ่ 

ความวิปริตแปรปรวนของโลกที่เกิดขึ้นนี้ นักวิทยาศาตร์ นักสิ่งแวดล้อม และนักภูมิศาสตร์ทั้งหลายให้ความสนใจกันอย่างกว้างขวาง และต่างให้ความเห็นเป็นข้อสรุปที่ตรงกันว่าสาเหตุที่โลกร้อน เป็นฝีมือของมนุษย์ทั้งสิ้น ” 

มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่ชาญฉลาด รู้จักดัดแปลงธรรมชาติ และรู้จักประดิษฐ์สิ่งต่างๆขึ้นมาตอบสนองความต้องการของตนเอง นำมาใช้เพื่อความสะดวกสบายของตนเอง ลงทุนวิจัยค้นคว้าพัฒนา เพื่อการดำรงชีวิตและต่อยอดขยายไปในเชิงธุรกิจกันอย่างมโหฬาร แล้วก็ประสบความสำเร็จ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจ หลงใหล คลั่งใคล้ในความศิวิไลซ์ของตนเอง สร้างทฤษฎีปลุกเร้าคนรุ่นใหม่ให้เดินเข้าไปสู่วิทยาการและเทคโลโลยีอันเลิศหรู แข่งขันกันใช้ทรัพยากรกันอย่างบ้าคลั่ง สร้างกฏกติกา แบ่งแยกกันต่างๆนานา ข้อตกลงต่างๆในโลกเกิดขึ้นอย่างมากมาย อันเป็นสาเหตุมาจากการแย่งชิงผลประโยชน์กันทั้งสิ้น เป็นวัฏจักรไม่มีที่สิ้นสุด

กล่าวคือ แย่งกัน กีดกันกัน แล้วก็ตกลงกัน  ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็หาสาเหตุให้เกิดความชอบธรรม ยกกองกำลังทหารเข้าข่มขู่และห้ำหั่นกัน และในที่สุดก็ทำข้อตกลงกันอีกผมคิดใคร่ครวญดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ฟันธงได้เลยว่า มนุษย์ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ฟุ้งเฟ้อกันจนเกินความจำเป็น สร้างแรงกระตุ้นให้เกิดหรือกิเลสจนเกินความพอดี มุ่งหาความสุขส่วนตัวจนเกินขอบเขต เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ ไม่คำนึงถึงความเป็นอยู่ที่พอเพียง ไม่พยายามแสวงหาดุลยภาพในการดำรงชีวิต มุ่งแสวงหากำไร เก็งกำไร จนกลายเป็นการเอาเปรียบ และเบียดเบียนผู้ด้อยโอกาส กอบโกยทรัพยากร เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจจนได้รับผลกระทบกับโลกและประชากรโลก รวมถึงสัตว์ต่างๆอย่างน่าอนาถใจ

ที่เขียนขึ้นมาทั้งหมดนี้ มิใช่เป็นการมองโลกในแง่ร้าย หรือบ่นเพราะความไม่สมหวังอะไรทั้งสิ้น แค่อยากจะบอกว่า ความวุ่นวายทั้งหลายในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ หรือการเมืองก็ตาม ล้วนแต่มาจากสาเหตุของความไม่รู้จักพอเพียงแต่เรื่องที่น่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง ก็คือมนุษย์ทั้งหลายที่กลับไม่รู้ตัวเองเลยว่า เป็นผู้เบียดเบียนสัตว์โลก เบียดเบียนธรรมชาติ ทำให้โลกขาดความสมดุล แถมยังเพ้อเจ้อตลอดเวลาว่ามนุษย์คือผู้สร้างสรรค์ กว่าจะรู้ตัวว่ามนุษย์ก็คือผู้ทำลายนั่นแหล่ะ

ปัจจุบันเสียงร้องเริ่มดังขึ้น ขอให้หยุดทำร้ายโลก และหันมาช่วยกันชดเชยกับสิ่งที่ตนเองได้ทำลายลงไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าชาติไหนจะสำเร็จ เพราะประเทศที่เจริญแล้วไม่ยอมให้ความร่วมมือ

ขนาดเราบอกว่า เราจะใช้เศรษฐกิจพอเพียง มันยังไม่เข้าใจเลย กลุ้มครับ …

Read Full Post »