Feeds:
เรื่อง
ความเห็น

Archive for the ‘เรื่องทั่วไป’ Category

  food3
         

ช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ค้าขายไม่คล่อง คนตกลงานกันเยอะ อากาศก็ร้อนมากกว่า
ทุก ๆ ปี ทำให้ผู้คนทั้งหลายหงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี แถมบรรยากาศทางการเมือง ยังคุกรุ่นไปด้วย
ความขัดแย้ง ดูแล้วบ้านเมืองเต็มไปด้วยความทุกข์ ทำยังไงกันดีล่ะครับ ประชาชนถึงจะหาทาง
ออกได้ ต้องพึ่งพาอาศัยรัฐบาลกันดีไหม? แต่อย่าเลยดีกว่าครับ ปล่อยให้รัฐบาลท่านทำงาน
ของท่านไปให้ดีก็แล้วกัน ให้เอาตัวให้รอดก่อนนะครับ

         เมื่ออาทิตย์ก่อนผมไปทำธุระที่โรงพยาบาลพญาไท 1 ในระหว่างที่นั่งรอหมอ ก็ได้หยิบ
หนังสือของโรงพยาบาลขึ้นมาเล่มหนึ่ง พลิกไปเจอบทความเรื่อง “อาหารที่ทำให้อารมณ์ดี”
น่าสนใจมากครับ ผมนึกถึงบรรยากาศที่บ้านเมืองและเศรษฐกิจจะเป็นเช่นนี้ น่าจะเป็นทาง
ออกให้คนบ้านเราได้ ผมขอเล่าโดยสรุปก็แล้วกันนะครับ

          บทความเรื่องนี้ บอกว่าสถาบันวิจัยอาหารในภาคใต้ของอังกฤษพบว่า “อาหารเป็นสิ่ง
จำเป็นต่อร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก โดยมีผลอย่างรวดเร็วต่อความตื่นตัว ว่องไว ระดับ
พลังงาน ความจำ และสมาธิ ทั้งยังสามารถช่วยลดความซึมเศร้าได้ สารอาหารที่เราได้กัน
เข้าไป จะส่งผลกระทบต่ออารมณ์และการทำงานด้านจิตใจของคนเรา”
  “คาร์โบไฮเดรตทำให้เกิดความสงบ สบาย โปรตีน ทำให้ตื่นตัว ว่องไว”

          เห็นไหมครับ อาหารมีส่วนกระตุ้นสมองและอารมรณ์ สมองเป็นศูนย์บัญชาการของ
ร่างกาย มีเซลนับพันล้านเซล เชื่อมต่อกันเป็นวงจร สลับซับซ้อน มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
ไปตามเซลประสาทหนึ่งไปสู่อีกเซลหนึ่ง โดยสารสื่อ 2 ชนิดคือ โดปามีน (Dopamine)
และเซโรโทนิน (Serotonin)
         โดปามีน (Dopamine) มันคือสารเคมีทางสมองที่ได้มาจากอาหารโปรตีน ซึ่งมีผล
ในการกระตุ้นเซลสมองให้มีสมาธิ และความว่องไว
         ส่วนเซโรโทนิน  มันคือสารเคมีในสมองที่ได้มาจากอาหารคาร์โบไฮเดรต   ซึ่งมีผล
ทำให้สมองเกิดความสงบระงับ และบรรเทาความเครียด วิตกกังวล ไม่รู้สึกหงุดหงิด ว้าเหว่
เศร้าซึม สับสน ลืมง่าย หรือโมโหร้าย

 pp1

         คราวนี้ท่านคงอยากรู้แล้วใช่ไหมว่า แล้วไอ้พวกที่ว่านี้ มันอยู่ในอาหารอะไรบ้างล่ะ
บอกได้เลยครับ
         1.  ปลาแซลมอน
         2. ปลาแม็กคาเรล
         3. น้ำมันคาโนลา (Canola oil)
         4. ผักโขม
         5. ถั่วสด (Chicpeas)
         6. ไก่
         ผมขออธิบายเพิ่มเติมอย่างละนิดนะครับ เพื่อให้เกิดความเข้าใจเพิ่มขึ้น คือ ปลาแซลมอน
จะมีโอเมก้า 3 มาก ช่อยป้องกันโรคหัวใจ มะเร็ง และทำให้อารมณ์ดี แถมยังต้านอนุมูลอิสระ
ปลาแม็กคาเรล มีโอเมก้า 3 มากเช่นกัน น้ำมันคาโนลา มีวิตามินอีมาก ทำให้อารมณ์สดชื่น
แจ่มใส ควรนำมาใช้ทอดปลาแซลมอน หรือทำอาหารสุขภาพรับประทาน ผักโขม เป็นผักใบ
สีเขียวเข้ม มีโฟเลตสูงช่วยให้อารมรณ์ของคนเราอยู่ในระดับปกติ ถั่วสด มีโฟเลตสูง มีวิตามิน
และมีไฟเบอร์ ถั่ว Chickpeas มีโปรตีนสูง มีไขมันต่ำ มีโฟเลตสูง มีไฟเบอร์ไอออน (Ion)
มีวิตามินมาก ที่สำคัญคือรสอร่อยครับ  สุดท้ายก็คือ ไก่ ควรรับประทานตรงเนื้อหน้าอก ล้วนๆ
ไม่เอาหนังนะครับ จะได้โปรตีนสูงมาก มีวิตามินบี 6 มาก และช่วยสร้างเซโรโทนิน

          ขอให้ทุกท่านลองไปหารับประทานกันดูนะครับ ถ้าเป็นไปได้จะจัดงานและให้มีอาหาร
ประเภทนี้ทั้งหมด เลี้ยงนักการเมืองบ้านเราดูสักครั้ง จะทำให้เขาขัดแย้งกันน้อยลงหรือเปล่า?
 

 

 

 

 

 

                             

โดย ประพัทธ์โชต ธนวรศาสตร์ 

Read Full Post »

child.jpg

สังคมนี้ มีส่วน ที่ยวนยั่ว

ให้เด็กชั่ว  ก่อกรรม  กระทำเข็ญ

พอสังคม  โทรมทรุด  สุดลำเค็ญ

เด็กจึงเป็น  ปัญหา  น่าหนักใจ

หนังเข่นฆ่า  อาฆาต ฉายดาษดื่น

เด็กชมชื่น  จำติด  เป็นนิสสัย

พวกของเล่น  เกณฑ์พนัน  ล้วนจัญไร

เด็กจำไป  เล่นเพลิน  ผลาญเงินตรา

เรื่องลามก  รกเมือง  เฟื่องภาพโป๊

แฟชั่นโชว์  โค้งเว้า  เร้าตัณหา

โรงเรียนติด  ชิดกับ  ไนท์คลับบาร์

เด็กไม่บ้า  ตามผู้ใหญ่  ก็ใจเย็น


ทำอะไรก็ให้นึกถึงเด็กนะครับ … เพราะลูกหลานเราทั้งนั้น

Read Full Post »

closed.jpg

เมื่อครั้งที่ Supprime ทำเอาธุรกิจการเงินในอเมริกาเกิดวิกฤติไปเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทั่วโลกก็คิดว่า อเมริกาจะสามารถแก้ปัญหาวิกฤติในครั้งนี้ได้ …

แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่าบรรดาวาณิชธนกิจในอเมริกาทั้งหลายต่างก็อยู่ในอาการฝันร้ายเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้

ครั้งหลังสุด ธนาคารแห่งอเมริกา ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่อันดับ 2 ของอเมริกา ได้ประกาศเลิกจ้างคนงานอีก 3,000 ราย เนื่องจากธุรกิจการเงินส่วนใหญ่ในขณะนี้กำไรหดลงไปอย่างน่าใจหาย โดยไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ลดลงไปถึง 93%

ตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์ดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน บริษัทการเงินต่างๆปลดคนงานไปแล้ว 13,000 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่าการปลดพนักงาน 50,000 คน เมื่อปีที่แล้วถึง 2 เท่า และมากกว่าสถิติสูงสุดของปี 2544 ที่มีการปลดคนงานจำนวน 116,000 คน

ขณะนี้บริษัทการเงินในอเมริกาต่างก็ประสบกับปัญหาขาดทุนอย่างหนักจากการจำนองซับไพรม์และเงินกู้ และพันธบัตรองค์กรที่มีความเสี่ยงสูงมาก ก่อให้เกิดผลกระทบในด้านการจ้างงานที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีการปลดคนงานออกไป 80 % ของคนงานที่ถูกปลดไปแล้ว

สาเหตุหลักๆของการปลดคนงาน ก็เนื่องมาจากความตกต่ำของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่างเช่นบริษัทคันทรี่ไวด์ ไฟแนนเชียน ซึ่งเป็นผู้รับจำนองอันดับ 1 ของอเมริกา ก็ปลดคนงานออกไปถึง 12,000 คน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เอง ในขณะเดียวกัน บริษัท อินดี้แมค แมนคอร์ป ก็เลิกจ้างพนักงานไปอีก 1,000 ตำแหน่งในเดือนเดียวกัน และบริษัทแอ็คเครดิตเทคโฮม เลนเดอร์ส ก็ได้ปลดพนักงาน 16,000 ตำแหน่ง และบริษัทแคปิตอลวัน วางแผนปิดแผนกจำนองกรีนพอยน์ลง ทำให้ต้องปลดคนงานออกไปอีก 1,900คน

ท่านทั้งหลายครับ การปลดคนงาน ยังไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้ ยังขยายไปทั่ว ลุกลามไปถึงบรรดานายแบงค์ กิจการเทรดเดอร์ และนักการเงินทั้งหลายอย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน และผลกระทบได้คืบคลานเข้าไปสู่ยุโรปบางส่วนแถมยังมีแถบเอเซียอีกเล็กน้อย

ขณะนี้เวลาของปี 2550 ยังเหลืออยู่อีกเพียง 2 เดือนเท่านั้น อเมริกาจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ยุติลงได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะคนจะต้องตกงานเพิ่มขึ้น และที่น่าวิตกไปกว่านั้นก็คือ ประเทศอเมริกาเป็นประเทศใหญ่ ธุรกิจการเงินเคยอู้ฟู่มั่งคั่ง การเงินภายในประเทศหมุนเวียนดีมีอำนาจการซื้อสูง ประเทศไทยก็สามารถส่งสินค้าไปขายยังสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก จนเรียกได้ว่าเป็นตลาดหลักของประเทศไทย

แต่อนิจจา … เศรษฐีอย่างอเมริกากลับต้องมาจนลงชั่วขณะ ก็อาจจะมีผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทยบ้าง ผมว่าบรรดาผู้ส่งออกทั้งหลายเตรียมตัวเตรียมความพร้อมไว้บ้างก็ดีเหมือนกันนะครับ เราต้องห่วงตัวเราเองก่อนครับ เพราะขณะนี้รัฐบาลท่านกำลังเป็นห่วงการเลือกตั้ง อาจจะไม่มีเวลาว่างพอ หรืออาจจะมองว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้งไปเลยก็ได้ …

Read Full Post »

เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา มีข่าวฮือฮาที่ท่านอธิบดีฯชวลิต เศรษฐเมธีกุล แห่งกรมศุลกากร
สวมบทเปาบุ้นจิ้น  สั่งทุบรถหรู ยี่ห้อเฟอร์รารี่ รุ่น 456 จีที สีเทา ที่ไปยึดได้จากอู่เบนซ์ แอล.เค
จังหวัดสมุทรปราการ โดยพบว่า … รถคันดังกล่าว มีการถอดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำคัญออกไปเกือบหมด
ferrari11.jpg การกระทำดังกล่าวของกลุ่มที่นำรถเข้า ก็เพื่อเป็นกลลวงให้เห็นว่า เป็นรถที่อุปกรณ์ไม่ครบ
ราคาจะได้ไม่สูง เมื่อกรมศุลกากรเปิดประมูล จะได้ย้อนกลับมาประมูลออกไป เพื่อให้เป็นรถถูกกฏหมาย
เมื่อได้รถไปแล้วก็จะนำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ใส่เข้าไปเหมือนเดิม แล้วก็นำรถออกไปขายได้กำไรงาม

 ภาษีก็ไม่ต้องเสียเต็มเม็ดเต็มหน่วยการเปิดประมูลดูเหมือนว่า มันจะยุติธรรม เพราะเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าประมูลได้ด้วย ถ้าใครมีเงินแล้วอยากได้รถหรู
ก็ประมูลเอาไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนทั่วไปอย่างท่าน อย่างผม ประมูลไปก็ไม่คุ้มหรอกครับ
ก็เพราะว่ารถที่ประมูลได้ มันขาดอุปกรณ์สำคัญ จะไปหาซื้อได้ที่ไหน ต้องสั่งจากต่างประเทศในราคาแพง
หรือไม่ก็ไอ้กลุ่มที่ฟอกรถทั้งหลายนั่นแหล่ะครับ มันจะนำอุปกรณ์นั้นมาเสนอขายเสียเองในราคาที่แพง
เพราะมันต้องการกำไรอยู่แล้ว

ผมต้องขอชื่นชมในการตัดสินใจของท่านอธิบดีฯจริงๆครับ
และยิ่งเมื่อเห็นภาพของการทุบรถในครั้งนี้ มันรู้สึกสะใจจริงๆ

ferrari21.jpg


ผมเองก็ไม่ใช่พวกซาดิสต์หรือชอบความรุนแรงอะไรนะครับ แต่มันประทับใจในความถูกต้อง
ความตรงไปตรงมาและความมุ่งมั่นของผู้ปฏิบัติงานในกรมศุลกากร
ซึ่งผมในฐานะประชาชนอยากเห็นมานานแล้ว
 
ท่านอธิบดีฯครับ การกระทำของท่านในวันนี้ มันจะเป็นบรรทัดฐานและเป็นมาตรฐานในการปฏิบัติงาน
ของท่านเองในวันข้างหน้า และเป็นมาตรฐานให้กับคนอื่นๆที่จะมาทำหน้าที่อธิบดีกรมศุลกากรต่อไป
 

เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ต่อไปนี้ท่านต้องทุบให้หมดนะครับ ต้องทุบทุกยี่ห้อ ทุบของทุกคนที่มันบังอาจนำเข้า
ต้องไม่เห้นแก่หน้าใครทั้งนั้น การทุบรถครั้งนี้ก็เห็นชัดเขนอยู่แล้วว่ากลุ่มไหน
และใคร ที่มีอาการ
ดิ้นพล่านให้ปรากฏอย่างกับว่า ท่านอธิบดีฯไป ทุบหัว มันด้วย ยังไงยังงั้นเลยครับ มขอขอบคุณท่านสมหมาย ภาษี ด้วยครับ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลกรมศุลกากรและเปิดไฟเขียวให้ดำเนินการได้ในครั้งนี้สุดยอดของรัฐบาลขิงแก่
จริงๆเลยนะครับท่านถ้าท่านมีแนวทางและนโยบายที่ชัดเจนเช่นนี้ ผมว่าเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรจะทำหน้าที่ได้
อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลว่าหน่วยงานไหนหรือผู้หลักผู้ใหญ่คนไหนจะมายับยั้ง จะมาขอหรือจะมาขัดขวาง
ผมว่าท่านทำถูกต้องแล้วประชาชนคงชื่นชมและสนับสนุนท่านอย่างแน่นอนครับ
 ประชาชนคนทั่วไป ที่จะทำธุรกิจและเสียภาษีอย่างถูกต้องและเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เขาเจ็บปวดกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากเพราะมันไม่เป็นธรรมในทางธุรกิจ
เขาเสียเปรียบที่อีกฝ่ายไม่ต้องเสียอะไรเลย กลับมีรายได้เป็นล่ำเป็นสัน มีหน้ามีตา
เป็นที่ยอมรับของสังคม เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ทำอะไรไม่ได้ มันเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีเลยครับ
และมันกำลังจะกลายเป็นวัฒนธรรมที่เลวร้าย ซึ่งจะนำพาสังคมและประเทศชาติ
ไปสู่ความล่มสลายในอนาคตได้ไม่ยากนัก 

 เพราะฉะนั้นแล้ว อย่าได้นิ่งดูดายกันอีกต่อไปเลยนะครับ 
ผมขอกราบแทบเท้าทุกท่านได้โปรดช่วยกันเป็นหูเป็นตา ดูแล
ตรวจสอบและร่วมกันกวาดล้างให้บ้านเมืองของเราสะอาดเสียที 
 

ผมขอเป็นกำลังใจ และสนับสนุนอย่างเต็มที่นะครับ

Read Full Post »

หลังจากที่คุยกันในเรื่องหนักๆมาหลายเรื่อง สัปดาห์นี้ผมขอคุยเรื่องเบาๆบ้าง (ไม่ใช่เรื่องนุ่นนะครับ)

เมื่อ 2-3 วันก่อน ผมได้มีโอกาสเข้าไปในศูนย์หนังสือแห่งหนึ่งแถวสยามแสควร์ เหลือบไปเห็นนิตยสาร
Conde’ Nast Traveller  ฉบับประจำเดือนตุลาคม 2007  ซึ่งเป็นฉบับพิเศษครับ …

conde2.jpg 
เขาจัดอันดับด้านการท่องเที่ยวเอาไว้ทั่วโลกเลยครับ ทำให้ผมอยากรู้ว่า เมืองไทยเราติดอันดับอะไรกับเขาบ้าง ก็เลยหยิบติดมือมา 1 เล่ม

พอมาถึงบ้านก็เปิดดูทั้งหมดเลย ผมดีใจมากครับ เนื่องจากประเทศไทยติดอันดับโลกหลายอย่างเหมือนกัน เขาเรียงลำดับไว้อย่างนี้นะครับ
conde3.jpg
ในด้าน “โรงแรม” ที่บริการดี สถานที่พักดี สภาพแวดล้อมดี บรรยากาศดี

อันดับหนึ่งได้แก่  One & Only Maldives Atreethi Rah

ถัดไปก็คือ The Chedi Muscat ประเทศโอมานครับ

รองลงไปก็เป็น Singita Private Reserve แห่งแอฟริกาใต้

ตามมาด้วย Hotel Cipriani ของเวนิซ

แล้วก็มาถึงประเทศไทยของเราครับ นั่นคือ … Four Seasons Resort … เชียงใหม่เจ๊า

four.jpg

ต่อด้วย North Island , Seychelles และพ่วงด้วย The Chedi แห่งภูเก็ต

คราวนี้มาดู สุดยอดของ “เกาะ” บ้าง

conde1.jpg

ปรากฏว่า ของไทยไม่ติดอันดับเลยครับ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เกาะภูเก็ตของเราก็ขึ้นชื่อลือชา เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติมิใช่น้อย  เกาะที่ติดอันดับหนึ่ง ยังคงเป็นเกาะมัลดีฟส์ครับ เห็นไหมครับว่าเขาติดอันดับทั้งเกาะทั้งโรงแรมเลยครับ เพราะมันเอื้อกันมาก หรืออยู่ในกรอบเดียวกันนั่นเอง ส่วนรองลงมาก็ได้แก่ Greek Island , Balearic Island , Mauritius , Barbados , Seychelles และ บาหลี และเมื่อถามว่า ประเทศใดที่เขาจัดให้เป็นประเทศที่ดีที่สุด ผมเพ่งอยู่นานด้วยความไม่แน่ใจ ปรากฏเขาเขียนว่า India ครับ

ผมเลยต้องถามแขกให้แน่ใจอีกครั้ง  แขกส่ายหน้าใหญ่เลยครับ … แปลว่าใช่แน่นอน

ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่ดีที่สุด  ตามมาด้วย Italy , Thailand ,Australia ,Newzealand ,South Africa , Spain และ France

แล้วเมืองที่ดีที่สุดล่ะครับ มีเมืองไหนกันบ้าง …

ปรากฏว่า กรุงเทพมหานครไม่ติดอันดับเลย ในนี้เขาบอกว่า Sydney  เป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลก รองลงมาตามลำกับคือ Newyork , Paris , Roam , Barcelona , Venice และ Sanfrancisco

สำหรับในด้านธุรกิจสปา  (Spa) ที่ดีทีสุดในโลก เขาจัดให้เป็นของ อินเดียอีกแล้วครับทั่น คือ Ananda Spa , Ananda In Himalayas และของประเศไทยก็ตามมาติดๆ นั่นคือ ชีวาศรม อยู่ที่หัวหินโน่นแน่ะ
แสดงว่าคุณภาพสปาของเราก็ไม่เบาเหมือนกันนะครับ …

การจัดอันดับสุดท้าย เรามาดูกันที่สายการบินกันบ้างว่า มีสายการบินไหนติดอันดับ Top สุดผมดูแล้วยืนยันว่าไม่มี ” One Two Go” แน่นอนเลยครับ เพราะไม่ใช่ Inter แต่ที่ติดอันดับที่ดีที่สุดนั้นเป็นของ Singapore Airline ครับ ตามด้วย British Airway , Virgin Atlantic Armirates และ Air newzealand ครับ ครั้งนี้ไม่มีการบินไทยเลยนะครับ ซึ่งครั้งหนึ่งเราเคยติดอันดับในด้านการบริการอยู่เหมือนกัน ระยะหลังแผ่วไปเป็นเพราะอะไรก็ไม่ทราบเหมือนกัน

ผมไม่ทราบหรอกนะครับว่าเขาไปสำรวจกับใคร ที่ไหนบ้าง เห็นบอกว่า สอบถามเอาจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ก็ไม่ได้บอกนะครับว่าชาติไหนบ้าง และจำนวนเท่าไหร่ ท่านผู้อ่านก็วินิจฉัยกันดูก็แล้วกันนะครับว่าถ้าเทียบกับประสบการณ์ที่เราเคยสัมผัสมาแล้ว มันพอจะเชื่อได้ไหม แต่ถ้ามันใกล้เคียงก็โอเคนะครับ …

Read Full Post »


 pet.jpg
ผมต้องขออภัยทุกท่านเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทิ้งช่วงไปอาทิตย์กว่าๆ เนื่องจากมีภารกิจต้องเดินทางไปร่วมประชุมกับหอการค้าภาคเหนือพร้อมกับท่านประธานหอการค้าไทย และคิดไว้ว่า หลังเดินทางกลับ ผมจะนำเรื่อง
Sub Prime มาคุยต่อ เนื่องจากติดตามดูแล้ว เห็นว่าเรื่องนี้ กลายเป็นหนังเรื่องยาวไปเสียแล้ว แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นข่าวที่ท่านปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ท่านได้พูดถึงฐานะกองทุนน้ำมัน ที่สมัยรัฐบาลทักษิณนำไปใช้ตรึงราคาน้ำมัน เมื่อปี 47-48 จนทำให้เป็นหนี้บักโกรกถึง 92,000 ล้านบาท จนกระทั่งขณะนี้ กองทุนยังติดลบอีก 13,100 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีนี้ จะสามารถใช้หนี้หมด ความจริงแล้ว เงินที่เก็บเข้ากองทุนและเงินที่ใช้หนี้ มันก็คือเงินที่เก็บไปจากพวกเราที่ใช้น้ำมันทั้งหลายนั่นแหล่ะครับ โดยเก็บจากน้ำมันเบนซิน 95 จำนวน 4 บาท/ลิตร เก็บจากเบนซิน 91 จำนวน 3.70 บาท/ลิตร เก็บจากดีเซล 1.50 บาท/ลิตร จะเห็นได้ว่า เป็นจำนวนมากมายมหาศาล ท่านลองคิดสิครับว่า ประเทศไทยเราใช้พลังงานถึง 14 % ของจีดีพี หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท เป็นจำนวนถึง 50 % เชียวนะครับ เพราะฉะนั้นสิ้นปี 50 นี้ ใช้หนี้หมดแน่นอน เพราะหนี้เหลืออยู่เพียง 13,100 ล้านบาทเท่านั้น 

ทีนี้ประเด็นที่เราจะคุยมันอยู่ที่ตรงไหนล่ะครับ … ก็คือว่า อยู่ๆท่านรัฐมนตรี ได้เสนอความคิดผ่านสื่อมวลชนออกมาว่า หลังใช้หนี้กองทุนหมดแล้ว กพช. จะตัดสินใจดำเนินการ 2 ทางเลือก 

แนวทางที่ 1 จะให้ลดราคาน้ำมันลง คือ ลดเบนซินและดีเซลลงให้ประชาชนลิตรละ 1 บาท แนวทางที่ 2  จะไม่ลดราคาน้ำมันให้ แต่จะกันเงินไว้ ลิตรละ 1 บาท เพื่อนำไปก่อสร้างระบบขนส่ง เช่นรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ในต่างจังหวัด 

เมื่อเสนอทางเลือกกันมาเช่นนี้ ผมในฐานะที่เป็นประชาชน ผมมีสิทธิ์เลือกหรือเปล่าครับ  แต่ถ้าเลือกได้ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ผมขอเลือกแนวทางที่ 1 ครับ คือให้ลดราคาน้ำมันลง  เหตุผลของผมมีอย่างนี้ครับ คือว่าในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยค่อนข้างลำบาก ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท ผลจากการที่รัฐบาลหยุดโครงการสำคัญๆลง และการบริโภคของประชาชนลดลง แต่ในขณะเดียวกันต้นทุนสินค้าไม่ได้ลดลงเลยครับ ทำให้ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อน ขาดทุน และต้องปิดกิจการเลิกจ้างแรงงานไปหลายราย ซึ่งเป็นข่าวให้เห็นในสื่อว่าคนงานไปแก้ผ้าประท้วงเอาเสื้อใน กางเกงในขว้างปาเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล เห็นแล้วผมรู้สึกอนาถใจไม่น้อยเลยครับ ดังนั้น การฟื้นฟูเศรษฐกิจจึงมีความสำคัญอันดับแรกที่รัฐบาลจะต้องทำก่อน โดยไม่ต้องใช้เงินงบประมาณอะไรมาก ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายทีสุด เพื่อเป็นการลดต้นทุนโดยรวมของประเทศ ประกอบกับจะมีการเลือกตั้งในปลายปี มีการใช้เงินกันมากขึ้น มันก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจในช่วงต้นปีหน้า มีแสงสว่างพอที่จะมองเห็นทิศทางกันได้มากขึ้น 

แต่ถ้าย้อนกลับมาถามผมว่า แล้วรถไฟฟ้าไม่อยากได้หรือ ผมก็ตอบโดยไม่ลังเลว่า อยากได้แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ

เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดต่อไปควรจะคิดและดำเนินการ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่ที่จะนำเงินจากกองทุนน้ำมันไปทำ มันสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนหรือเปล่าครับ เรื่องนี้ถ้าเห็นด้วยก็ช่วยกันเชียร์นะครับ

Read Full Post »